พูดคุยกับเราได้ที่

0 2646 3555

ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท


บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทฯ ได้พิจารณาผ่อนผันการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บัตรฯเป็นสกุลเงินบาท ณ ร้านค้าที่จดทะเบียนในต่างประเทศในอัตราร้อยละ1 ซึ่งมีกำหนดเริ่มเรียกเก็บในวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อให้ลูกค้าได้ศึกษาและทำความเข้าใจเพิ่มเติม ทั้งนี้ บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งก่อนที่จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว

ค่าธรรมเนียมการใช้บัตรฯเป็นสกุลเงินบาท ณ ร้านค้าที่จดทะเบียนในต่างประเทศ (Dynamic Currency Conversion) คือ ค่าธรรมเนียมการใช้จ่ายผ่านบัตรฯในสกุลเงินบาทเพื่อทำการ ซื้อสินค้า บริการ และ/หรือ การกดเงินสดที่เป็นสกุลเงินบาท ณ ร้านค้าที่จดทะเบียนในต่างประเทศ (รวมถึงร้านออนไลน์ที่จดทะเบียนต่างประเทศ) ในอัตราร้อยละ 1 ของยอดใช้จ่าย/ยอดกดเงินสด

ประเภทการทำรายการที่เข้าข่ายจะถูกคิดค่าธรรมเนียม 1%
  • ร้านค้าจะแสดงมูลค่าสินค้าเป็นสกุลเงินบาทซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้เห็นราคาสุทธิที่จะต้องจ่ายจริงก่อนตัดสินใจชำระค่าสินค้า
  • ในกรณีซื้อสินค้าผ่านช่องทาง ออนไลน์ หรือ ผ่านทางโทรศัพท์ กับร้านค้าออนไลน์ ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ และอนุญาตให้มีการชำระเป็นสกุลเงินบาท จะเข้าข่ายในการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้จ่าย 1% เพราะเสมือนเป็นการทำรายการของร้านค้าที่ต่างประเทศ
  • ถึงแม้ว่าร้านค้าออนไลน์นั้นจะเป็น website ที่ลงท้ายด้วย “.co.th” และมีการแสดงราคาเป็นสกุลเงินบาทร้านค้าออนไลน์นั้นๆอาจจะมีการจดทะเบียนร้านค้าในต่างประเทศ หรือ มีกระบวนการจ่ายเงินที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ก็เข้าข่ายที่จะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 1%

หมายเหตุ
  • การที่ผู้ถือบัตรชำระค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิตเป็นสกุลเงินบาท (Dynamic Currency Conversion) อาจจะทำให้ราคาสินค้าที่ถูกเรียกเก็บ สูงกว่าการชำระเป็นสกุลเงินต่างประเทศ เนื่องจากร้านค้าอาจจะมีการใช้อัตราแลกเปลี่ยน (ที่ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า) ที่สูงกว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่เรียกเก็บโดยบริษัทผู้ออกบัตรเครดิต
  • การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นค่าธรรมเนียมที่ผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิต เช่น VISA, Mastercard เรียกเก็บผ่านบริษัทผู้ออกบัตรเครดิตในกรณีที่ผู้ถือบัตร มีการใช้จ่ายตามเงื่อนไขผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิตกำหนด
    ผู้ถือบัตรควรทำการตรวจสอบกับร้านค้าโดยศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินและค่าธรรมเนียมก่อนซื้อสินค้า / บริการ
  • กรณีลูกค้าชำระค่าสินค้าในร้านค้าผ่านเครื่องรูดบัตร หรือเครื่อง EDCของธนาคารพาณิชย์ไทย จะไม่ถูกคิดค่าธรรมเนียมดังกล่าว
  • กรณีผู้ถือบัตรกดเงินสดด้วยสกุลเงินบาทผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศ บริษัทฯจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า3% ของจำนวนเงินที่เบิกถอนเงินสดด้วยบัตรเครดิต และ VAT7% ของค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด และค่าธรรมเนียมการใช้บัตรฯเป็นสกุลเงินบาท 1% ของจำนวนเงินที่เบิกถอนเงินสดด้วยบัตรเครดิตเป็นสกุลเงินบาท
  • กรณีผู้ถือบัตรทำรายการเบิกเงินสดผ่านเครื่อง ATM ในต่างประเทศ ผู้ถือบัตรอาจต้องชำระค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดระหว่างประเทศตามอัตราที่ธนาคารเจ้าของเครื่อง ATM นั้นๆกำหนด (Access Charge Fee)
 
ผู้ถือบัตรสามารถตรวจสอบรายชื่อตัวอย่างร้านค้าที่จดทะเบียนในต่างประเทศและเข้าข่ายการถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ 1%


ตัวอย่างร้านค้าที่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม คลิก
 
คำถาม 1: DCC Fee (Dynamic Currency Conversion Fee) คืออะไร?
คำตอบ 1: DCC fee คือ ค่าธรรมเนียมการใช้บัตรฯเป็นสกุลเงินบาท ณ ร้านค้าที่จดทะเบียนในต่างประเทศ หรือ Dynamic Currency Conversion fee (DCC fee) ซึ่งเรียกเก็บสำหรับรายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพื่อชำระสินค้า บริการ ที่ร้านค้าต่างประเทศ (รวมถึงร้านออนไลน์ที่จดทะเบียนต่างประเทศ) และ/หรือ การกดเงินสดที่เป็นสกุลเงินบาทผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศ โดยจะเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 1 ของยอดใช้จ่าย/ยอดกดเงินสด
 
คำถาม 2: อัตราเรียกเก็บค่า DCC fee?
คำตอบ 2: บริษัทฯ จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ในอัตราร้อยละ 1 ของยอดใช้จ่ายที่ร้านค้าต่างประเทศหรือร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ หรือยอดกดเงินสดที่ ATM ในต่างประเทศ
ตัวอย่างที่ 1 : จองโรงแรมทั้งในและต่างประเทศกับ เว็บไซต์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ โดยชำระเป็นสกุลเงินบาทจำนวน 3,000 บาท จะมีการเรียกเก็บ DCC fee 1% ของยอด 3,000 บาท คือ 30 บาท เนื่องจากการจองโรงแรมในประเทศกับเว็บไซต์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ จะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว
ตัวอย่างที่ 2 : ค่าบริการเติมเงินซื้อเกมร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศผ่าน App Store จำนวน 100 บาท จะมีการเรียกเก็บ DCC fee 1% ของยอด 100 บาท คือ 1 บาท
 
คำถาม 3: วันที่มีผล?
คำตอบ 3: บริษัทฯ ได้ประกาศผ่อนผันการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บัตรฯเป็นสกุลเงินบาท ณ ร้านค้าที่จดทะเบียนในต่างประเทศ โดยจะเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด (จากเดิมที่มีกำหนดเริ่ม 1 พฤษภาคม 2567) เพื่อให้ลูกค้าได้ศึกษาและทำความเข้าใจเพิ่มเติม ทั้งนี้ บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งก่อนมีการเรียกเก็บจริง
 
คำถาม 4: ทำไมต้องมีการเรียกเก็บ DCC fee ?
คำตอบ 4: การคิดค่าธรรมเนียมเป็นส่วนที่ผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิต เช่น VISA, Mastercard เรียกเก็บจากบริษัทผู้ออกบัตร ในกรณีที่ผู้ถือบัตรฯมีการใช้บัตรเครดิตชำระเงินค่าสินค้าตามเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิตกำหนด
 
คำถาม 5: วิธีการคำนวณ DCC fee ของ VISA, Mastercard
คำตอบ 5: VISA และ Mastercard คิดอัตราร้อยละ 1 ของยอดใช้จ่าย/ยอดกดเงินสด
 
คำถาม 6: สามารถตรวจสอบ DCC fee ได้ตั้งแต่วันไหน? 
คำตอบ 6: ลูกค้าสามารถตรวจสอบค่าธรรมเนียมได้ ณ วันที่บันทึกรายการ (Posting Date) และ ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ที่ Billing statement

คำถาม 7: ค่า DCC fee จะถูกเรียกเก็บกับบัตรเครดิตประเภทใดบ้าง?
คำตอบ 7: บัตรเครดิตวีซ่า และ มาสเตอร์การ์ดทุกประเภท ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม
 
คำถาม 8: ค่าธรรมเนียม 1% คิดอย่างไร?
คำตอบ 8:คิดค่าใช้จ่าย 1% จากยอดใช้จ่าย /ยอดกดเงินสด ผ่านบัตรเป็นสกุลเงินบาท โดยคิดจากยอด ณ วันที่บันทึกรายการใช้จ่าย
 
คำถาม 9: การใช้จ่ายร้านค้าใดบ้างจะมีการเรียกเก็บ DCC fee ?
คำตอบ 9: ร้านค้าในต่างประเทศและเลือกชำระเป็นสกุลเงินบาท รวมถึงร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ
เช่น  FACEBOOK, AGODA, TRIP.COM, TIK TOK, GOOGLE, APPLE.COM, KLOOK, NETFLIX,VEBO/EXPEDIA เป็นต้น (ข้อมูลร้านค้าตัวอย่าง ณ เดือน พฤษภาคม 2567 ทั้งนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงการจดทะเบียน ขึ้นอยู่กับร้านค้า)
 
คำถาม 10: ประเภทการทำรายการที่เข้าข่ายจะถูกคิดค่าธรรมเนียม 1%
คำตอบ 10:
  • ร้านค้าจะแสดงมูลค่าสินค้าเป็นสกุลเงินบาทซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้เห็นราคาสุทธิที่จะต้องจ่ายจริงก่อนตัดสินใจชำระค่าสินค้า
  • ในกรณีซื้อสินค้าผ่านช่องทาง online หรือ ผ่านทางโทรศัพท์ กับร้านค้าออนไลน์ ที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย และอนุญาตให้มีการชำระเป็นสกุลเงินบาท จะเข้าข่ายในการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้จ่าย 1% เนื่องจากถือว่าเป็นการทำรายการร้านค้าที่ต่างประเทศ
ถึงแม้ว่าร้านค้าออนไลน์นั้นจะเป็นเว็บไซต์ที่ลงท้ายด้วย “.co.th” และมีการแสดงราคาเป็นสกุลเงินบาทร้านค้าออนไลน์นั้นๆอาจจะมีการจดทะเบียนร้านค้าในต่างประเทศ หรือ มีกระบวนการจ่ายเงินที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ก็เข้าข่ายที่จะถูกคิดค่าธรรมเนียม 1%