หากนึกถึงการเที่ยวต่างประเทศในช่วงหยุดยาว หนึ่งจุดหมายที่เราต้องนึกถึงก็คือประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่าง “โอซาก้า" แลนด์มาร์กแห่งสีสัน ที่เราคงคุ้นเคยกันจากภาพถ่ายเช็กอินกับป้ายไฟนีออนกูลิโกะแมน ที่ใครได้มาต้องมาแชะรูปตรงจุดนี้กันแทบทุกคน
ต้องยอมรับเลยว่า “โอซาก้า” ถือเป็นจุดรวมตัวของนักท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศ และขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับ 2 ของญี่ปุ่น มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศอีกด้วย และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสน่ห์ของโอซาก้านั่นก็คือ ความคึกคัก อาหารรสเลิศ สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้า สวนสนุก ย่านช้อปปิ้ง แถมการเดินทางยังสะดวกสบาย รับรองว่ามาแล้วต้องหลงรักจนอยากกลับมาอีกรอบแน่นอน
ว่าแต่...แล้วช่วงไหนล่ะที่เหมาะกับการเที่ยวโอซาก้ามากที่สุด?
วันนี้เราเลยเอาเกร็ดข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุณได้วางแผนทริปญี่ปุ่นของคุณได้ง่ายขึ้น เพราะในแต่ละฤดูนั้นก็มีไฮไลต์การท่องเที่ยวน่าสนใจแตกต่างกัน งั้นเรามาดูกันเลยว่าช่วงเวลาไหนที่เหมาะกับการทริปของคุณที่สุด
เที่ยวโอซาก้าเดือนไหนดี บรรยากาศเหมาะแก่การท่องเที่ยว
- ฤดูหนาวโอซาก้า : ธันวาคม - กุมภาพันธ์
อุณหภูมิเฉลี่ยของช่วงนี้ประมาณ 6 - 12 องศา อากาศหนาวกำลังดี เนื่องจากที่โอซาก้าไม่มีหิมะทำให้อุณหภูมิไม่หนาวติดลบจนเกินไปนั่นเอง
- ฤดูใบไม้ผลิโอซาก้า : มีนาคม - พฤษภาคม
ช่วงอากาศเย็นสบายและมีฝนตกเล็กน้อย เฉลี่ยประมาณ 10 องศา แล้วจะเริ่มอุ่นขึ้นช่วงปลายเมษายน และยังเป็นเดือนที่ดอกซากุระเบ่งบานทั่วทั้งเมืองอีกด้วย
- ฤดูร้อนโอซาก้า : มิถุนายน - สิงหาคม
สำหรับคนที่ไม่ชอบอากาศหนาวเย็นแนะนำช่วงนี้เลย อากาศเฉลี่ยประมาณ 28 - 35 องศา ซึ่งเดือนสิงหาคมจะเป็นช่วงที่ร้อนและมีฝนมากที่สุด
- ฤดูใบไม้ร่วงโอซาก้า : กันยายน - พฤศจิกายน
ใครที่รอใบไม้เปลี่ยนสีต้องฤดูนี้เลย อากาศเย็นสบาย 15 - 19 องศา อีกทั้งยังเป็นช่วง High Season ที่นักท่องเที่ยวเยอะที่สุดอีกด้วย
เช็กแต่ละฤดูที่เหมาะกับการท่องเที่ยวของเราแล้ว มาดูต่อว่าไปโอซาก้าทั้งทีจะเที่ยวที่ไหนดีนะ?
ตามมาดู “15 ที่เที่ยวโอซาก้าห้ามพลาด” ที่เราเอามาแนะนำกัน บอกเลยว่าครบทุกสไตล์สายเที่ยวแน่นอน
15 ที่เที่ยวโอซาก้าด้วยตัวเองง่าย ๆ กับพิกัดเด็ดที่ห้ามพลาด
1. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
เริ่มกันที่สัญลักษณ์แห่งโอซาก้า และเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากปราสาทที่มีความสวยงามจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้ อีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่ก็คือ สวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden) รายล้อมด้วยต้นซากุระกว่า 600 ต้น และจะผลิบานพร้อมกันในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี บอกเลยว่าสวยจนตะลึงแน่นอน
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
2. ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)
อีกหนึ่งจุดเช็กอินสุดฮิต ย่านช้อปปิ้ง กินดื่ม ที่คึกคักมากที่สุด รวมทั้งยังเป็นเป็นสวรรค์ของนักกิน ทั้งปูยักษ์ หมึกยักษ์ ก็มีให้เราได้ลองชิมกันตลอดทางเลียบแม่น้ำโดทงโบริ ซึ่งจุดเช็กอินของที่นี่ก็คือป้ายไฟกูลิโกะที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
3. ตึกอูเมดะ สกาย (Umeda Sky Building)
มาเที่ยวต่อกันที่จุดชมวิวโอซาก้าย่านอุเมดะ บนตึกสูง 173 เมตร มีจุดเชื่อมต่อตึกทั้ง 2 ฝั่งที่ชั้น 40 สามารถชมทิวทัศน์สวย ๆ ทั่วโอซาก้าได้ 360 องศา นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่ ร้านค้า โรงภาพยนตร์ อีกด้วย
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
4. ศาลเจ้าโอซาก้าเทมมังงุ (Osaka Tenmangu Shrine)
อีกหนึ่งศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น โดดเด่นในการขอพรเรื่องเรียนและการสอบต่าง ๆ สำหรับนักเรียนและคนทำงาน รวมทั้งยังเป็นสถานที่จัดงาน Tenjin Matsuri หนึ่งในเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
5. สวนสนุก Universal Studios Japan
สวนสนุกแห่งแรกในเอเชีย สนุกกับหลากหลายโซนเครื่องเล่น จะมาเป็นครอบครัวหรือมาเที่ยวแก๊งเพื่อนก็จอยได้ทุกคน อีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่คือโซน The Wizarding World of Harry Potter ที่ให้แฟนหนังได้อินเหมือนอยู่ในภาพยนตร์ บอกเลยว่ากรี๊ดแน่นอน
- เวลาทำการ : 9.00 - 17.00 น.
- ค่าเข้าชม :
- บัตร 1 Day Studio Pass ราคา 7,700 - 9,800 เยน
- บัตร 1.5 Day Studio Pass ราคา 8,600 - 18,600 เยน
- บัตร 2 Day Studio Pass ราคา 10,600 - 18,600 เยน
*ราคาขึ้นอยู่กับวันและแพ็กเกจที่เลือก
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
6. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)
Aquarium ขนาดใหญ่บริเวณอ่าวโอซาก้า รวมสัตว์น้ำและสัตว์บกกว่า 30,000 ชีวิต 620 สายพันธุ์จากทั่วโลกที่จัดแสดงกว่า 8 ชั้น และที่พลาดไม่ได้ก็คือ Central Tank ลึก 9 เมตร และอุโมงค์ใต้น้ำจำลองวงแหวนไฟรอบมหาสมุทรแปซิฟิก ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปอีกด้วย
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
7. หมู่บ้านอเมริกา โอซาก้า (America Mura)
ที่เที่ยวโอซาก้าที่เป็นเหมือนแหล่งรวมแฟชั่นสไตล์อเมริกันของวัยรุ่นญี่ปุ่น รวบรวมทั้งเสื้อผ้ามือสอง ร้านแฟชั่นแนวสตรีต แบรนด์เนม สินค้านำเข้าจากอเมริกา รวมทั้งไอเทมสไตล์ตะวันตก ให้ใกล้กลิ่นอายที่แตกต่างจากย่านในญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคย
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
8. ศาลเจ้าสุมิโยชิ (Sumiyoshi Shrine)
ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น โดนเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม และมีจุดถ่ายรูปสุดฮิตอย่างสะพานโค้งสีแดง Sorihashi Bridge ให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพสวย ๆ และเชื่อว่าใครที่เดินข้ามสะพานนี้จะได้พบเจอแต่ความมงคลในชีวิต
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
9. พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (Cup Noodles Museum Osaka Ikeda)
มาต่อกันที่พิพิธภัณฑ์น่ารัก ๆ ที่เดียวในโลก ที่จัดแสดงที่มาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดต่าง ๆ รวมทั้งมี Workshop ทำเส้น My Cup Noodle Factory ให้นักท่องเที่ยวปรุงบะหมี่และออกแบบถ้วยของตัวเองอีกด้วย
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
10. ย่านชินเซไก (Shinsekai)
อีกหนึ่งจุดหมายของสายท่องราตรี สถานที่เที่ยวโอซาก้าที่ เต็มไปด้วยร้านกินดื่มสไตล์วินเทจ และร้านอาหารสไตล์คุชิคัตสึ ที่ส่วนมากเปิดตลอด 24 ชม. แถมยังมีหอคอย Tsutenkaku สูง 103 เมตร ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวได้อีกด้วย
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
11. ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel)
เที่ยวชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่สูง 112.5 เมตร สามารถมองเห็นโอซาก้าได้ทั้งเมือง และมีกิมมิกให้เราเลือกชิงช้าได้ 2 แบบคือ ชิงช้าสีสันต่าง ๆ 7 สี และชิงช้ากระจกใสรอบทิศ เพิ่มความหวาดเสียว สำหรับคนที่ชอบความท้าทายให้ชมเมืองได้แบบใจเต้น
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
12. จุดชมวิวอาเบะโนะ ฮารุกัส (Abeno Harukas)
จุดชมวิวบนตึกสูง 300 เมตร ตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น มองเห็นได้รอบทิศ 360 องศา ซึ่งจุดชมวิวอยู่บนดาดฟ้าชั้น 58 - 60 นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ศิลปะ และโรงแรมอีกด้วย
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
13. พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติโอซาก้า (The National Museum of Art, Osaka)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่โดดเด่นตั้งแต่ตัวอาคาร รวบรวมงานศิลปะหลากหลายแขนง รวมทั้งยังมีนิทรรศการพิเศษมาจัดแสดงให้ร่วมชมตามช่วงเวลาอีกด้วย ใครที่ชอบเที่ยวมิวเซียมพลาดไม่ได้เด็ดขาด
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
14. เดนเดนทาวน์ (DENDEN Town)
ที่เที่ยวโอซาก้าสวรรค์ของคนรักอนิเมะและมังงะ แหล่งรวมไอเทมของสะสมหายาก เช่น เกม โมเดล มังงะ และอนิเมะมากมาย อีกทั้งเป็นจุดรวมตัวครั้งใหญ่ของเหล่าคอสเพลย์ในงาน Nipponbashi Street Festa ที่จัดในช่วงเดือนมีนาคมอีกด้วย
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
15. ตลาดคุโรมง (Kuromon Market)
สุดท้ายมาเอาใจสายกินกับย่านตลาดปลาโอซาก้าอีกหนึ่งที่เที่ยวโอซาก้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดกับหลากหลายร้านอาหารสดและอาหารทะเลกว่า 150 ร้าน ที่สำคัญยังมีร้านนั่งทานราคาประหยัดให้นักท่องเที่ยวได้แวะพักกันอีกด้วย
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
และนี่ก็คือทั้ง 15 สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้าที่เราอยากเอามาแนะนำกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเที่ยวสไตล์ไหน จะสายชิล สายกิน สายช้อป สายอาร์ต หรือสาย
เที่ยวด้วยตัวเอง ก็สามารถสนุกกับทริปโอซาก้าได้แน่นอน ซึ่งข้อดีของการเที่ยวซาก้านั่นก็คือความสะดวก เพราะเป็นสถานที่เที่ยวตามรอยสถานีรถไฟทำให้นักท่องเที่ยวมือใหม่ก็เดินทางได้ง่ายขึ้น
สำหรับใครที่กำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นและอยากเที่ยวได้อย่างมั่นใจ เราขอแนะนำ “
บัตรเครดิต กรุงศรี เจซีบี แพลทินัม” ต้อนรับวันพักผ่อนสุดพิเศษตั้งแต่สนามบิน ด้วยบริการ Airport Lounge ทุกสนามบินในประเทศญี่ปุ่น แถมยังได้รับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อใช้จ่ายที่ร้านอาหารทั่วโลก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คลิก บอกเลยว่ามีแล้วทริปญี่ปุ่นนี้ของคุณแฮปปี้กว่าเดิมแน่นอน