ใกล้เข้าช่วงหน้าหนาวแบบนี้ มักจะเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันของเรามักจะอ่อนแอลง และยังเสียงต่อโรคภูมิแพ้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภูมิแพ้อากาศ การดูแลตัวเองให้ดีในช่วงฤดูหนาวจึงสำคัญมาก ๆ แล้วเราจะสามารถเอาชนะโรคภูมิแพ้ ห่างไกลจากการแพ้อากาศได้ยังไง วันนี้เราก็มีเคล็ดลับดี ๆ สำหรับชาวภูมิแพ้ ให้กลับมาสุขภาพแข็งแรง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!
โรคภูมิแพ้ คือ กลุ่มของโรคที่มีอาการแสดงได้หลายระบบ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เกิดการสร้างภูมิที่ไปกระตุ้นให้มีการหลั่งสารขึ้นที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะ จนเกิดเป็นอาการรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามระดับความแพ้ เช่น ลมพิษที่ผิวหนัง คัดจมูก คันตา เจ็บคอ หรือบางรายอาจมีอาการแพ้รุนแรงได้
1. โรคภูมิแพ้ที่เกิดจากกรรมพันธุ์
หากพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ก็จะทำให้ลูกมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณร้อยละ 40-60 แต่ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกก็จะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึงร้อยละ 50-70 เลยทีเดียว
2. โรคภูมิแพ้ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม
การที่สารก่อภูมิแพ้จากสภาพแวดล้อมเข้าสู่ร่างกายของเรา ซึ่งมาได้จากหลายทาง เช่น การหายใจ การรับประทานอาหาร หรือการสัมผัสสารต่าง ๆ ซึ่งสารก่อภูมิแพ้ที่เราพบได้บ่อย ๆ คือ อากาศ ของกิน หรือการสัมผัสสารต่าง ๆ ซึ่งสารก่อภูมิแพ้ที่เราพบได้บ่อย ๆ ได้แก่ ไรฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์เลี้ยง แมลงสาบ เชื้อรา เป็นต้น และสำหรับผู้ที่แพ้อากาศ อาจมีได้หลายสาเหตุ เช่น อากาศเปลี่ยน ฝุ่น PM2.5 มลพิษบนท้องถนน ฯลฯ
ทำความรู้จักโรคภูมิแพ้กันไปคร่าว ๆ แล้ว ใกล้หน้าหนาวแบบนี้ หากใครที่อยากหลีกเลี่ยงภูมิแพ้อากาศ เราก็มีเคล็ดลับดี ๆ ในการเพิ่มภูมิต้านทาน เอาชนะโรคภูมิแพ้
สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือแพ้อากาศบ่อย ๆ ลองเสริมภูมิต้านทานด้วยการกินอาหารที่อุดมด้วยโปรตีนเยอะ ๆ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ธัญพืช นม ฯลฯ เพื่อบรรเทาให้อาการจากโรคภูมิแพ้เบาลง เนื่องจากโปรตีนมีสารอาหารสำคัญที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายของเราได้ อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออีกด้วย
• เต้าหู้
ในเต้าหู้ 1 ก้อน อุดมไปด้วยโปรตีนไม่แพ้เนื้อสัตว์เลยก็ว่าได้ ใครที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือมีอาการแพ้อากาศในช่วงหน้าหนาว ลองดื่มน้ำเต้าหู้อุ่น ๆ ทุก ๆ เช้า จะช่วยให้โรคภูมิแพ้อาการดีขึ้น
• อกไก่
เป็นเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนเน้น ๆ นอกจากจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อแล้ว อกไก่ยังไขมันน้อยกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น จึงช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน แถมยังไม่ทำให้อ้วนอีกด้วย
• เนยถั่ว
เนยถั่วถือเป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่มีโปรตีนสูง แถมยังอุดมไปด้วยไขมันดี ใครที่โรคภูมิแพ้ถามหาบ่อย ๆ ลองการรับประทานเนยถั่วเป็นประจำ รับรองว่าช่วยได้มาก ๆ แต่ทั้งนี้ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน และเลือกที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล เพื่อทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ
โอเมก้า 3 จัดเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อระบบการทำงานในร่างกาย ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยในเรื่องระบบประสาทและสมอง อีกทั้งยังช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกัน ตอบสนองต่อเชื้อโรค และสารแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายได้ดีสุด ๆ แต่เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างสร้างเองไม่ได้ จึงต้องได้รับจากการรับประทานชนิดต่าง ๆ เช่น ปลา ถั่ว เมล็ดพืช รวมไปถึงผักใบเขียว
สำหรับโพรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดี ที่สามารถพบได้ในอาหารประเภทนมเปรี้ยว โยเกิร์ต กิมจิ เป็นต้น โดยโพรไบโอติกส์มีส่วนช่วยในการดูดซึมสารอาหาร และรักษาภาวะผิดปกติของร่างกาย ซึ่งมีผลวิจัยที่ตีพิมพ์ใน British Journal of Dermatology ที่ระบุว่า คุณแม่ที่ดื่มนมเปรี้ยวหรือรับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ ในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคภูมิแพ้ของลูกได้เกือบ 50%
• นมเปรี้ยว / โยเกิร์ต
เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติกส์ หลากหลายชนิด ซึ่งช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ลดการติดเชื้อ การแพ้อากาศ และยังช่วยเพิ่มแบคทีเรียดี ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
• เชดด้าชีส
มีคุณค่าทางโภชนาสูง โดยมีสารอาหารเทียบเท่ากับนม แถมยังอุดมไปด้วยโพรไบโอติกส์ ที่ช่วยดูแลลำไส้ ลดอาการโรคภูมิแพ้ได้ด้วย ทั้งนี้ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงไขมันส่วนเกิน
• นัตโตะ
ถั่วเน่าจากญี่ปุ่นที่อุดมด้วยโพรไบโอติกส์ ซึ่งช่วยในการย่อย อีกทั้งบังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการแพ้อากาศ เพราะโพรไบโอติกส์ ที่พบในนัตโตะนั้น มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและช่วยให้เราฟื้นตัวได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังมีวิตามินซี ธาตุเหล็ก และสังกะสี ที่ช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
วิตามินซี มีส่วนช่วยในการป้องกันการหลั่งฮีสตามีน ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ร่างกายสร้างขึ้น และทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ ยิ่งในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง การรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันภูมิแพ้อากาศได้อีกด้วย
• ผักใบเขียว
เช่น ตำลึง ผักโขม บร็อคโคลี กะหล่ำปลี ฯลฯ โดยในผักใบเขียวชนิดต่าง ๆ อุดมไปด้วยวิตามินซีไม่แพ้ผลไม้เลย โดยวิตามินซีในผักเป็นทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน และลดอาการภูมิแพ้อากาศ อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสอีกด้วย
• ผลไม้รสเปรี้ยว
เช่น สับปะรด ส้ม สตรอว์เบอร์รี มะนาว ฯลฯ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซี แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกัน ลดอาการอักเสบ แพ้อากาศ และการเกิดโรคต่าง ๆ
ซีลิเนียม (Selenium) คือ แร่ธาตุที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สู้กับสิ่งแปลกปลอม หรือสารกระตุ้นภูมิแพ้ จัดเป็นตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันชั้นเยี่ยม แถมยังช่วยเสริมการทำงานของวิตามินซีและวิตามินอี ซึ่งถ้าร่างกายคนเราขาดซีลิเนียม ก็อาจจะติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วย
• อาหารทะเล
เป็นแหล่งซีลิเนียมชั้นดี โดยเฉพาะกุ้งและทูน่า ที่ช่วยต้านอาการอักเสบ ลดการแพ้อากาศ รวมถึงยังช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือดหัวใจและสมองได้อีกด้วย
• ถั่วบราซิล
เป็นแหล่งอาหารต้านภูมิแพ้ที่อุดมไปด้วยซีลิเนียมมากกว่าเนื้อสัตว์ ซึ่งถั่วบราซิล 1 ออนซ์ มีซีลิเนียมสูงถึง 544 ไมโครกรัม
• เนื้อวัว
อุดมไปด้วยซีลิเนียม แถมมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มพลังงานและดีต่อระบบประสาท รวมถึงยังมีธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย
ฟลาโวนอยด์เควอเซทิน เป็นสารที่ช่วยต้านอาการแพ้และลดการอักเสบ มีส่วนยับยั้งการปล่อยฮิสตามิน ซึ่งทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ อีกทั้งยังช่วยเสริมต้านทานของร่างกาย ต้านอนุมูลอิสร
• ผลไม้สีสัน
เช่น สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี แคนเบอร์รี ทับทิม แอปเปิ้ล องุ่นแดง ส้ม มะนาว และเกรปฟรุ๊ต
• ผัก
หัวหอม กะหล่ำปลี ผักกาดหอม คื่นช่าย ต้นหอม พริก บรอกโคลี ถั่ว
• สมุนไพร
ชาเขียว ชาขาว ชาดำ ชาอู่หลง เปปเปอร์มิ้นต์ คาโมไมล์ โกโก้ และช็อกโกแลต
นอกจากการกินอาหารต้านภูมิแพ้แล้ว อย่าลืมหมั่นออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นอาการแพ้ เพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้ รวมถึงอาการแพ้อากาศในช่วงหน้าหนาวด้วย ยิ่งในยุคนี้การเข้าโรงพยาบาลแต่ละครั้ง ล้วนมีค่าใช้จ่ายมากมายตามมา
แต่คุณเองก็สามารถประหยัดค่ารักษาได้ด้วยการทำประกัน โดยสามารถชำระเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิตกรุงศรี เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://www.krungsricard.com/th/promotion/category/Insurance-FinancialService
แหล่งอ้างอิงข้อมูล