Dining at Edward Kwon in Bangkok Restaurant
แชร์ประสบการณ์ประทับใจ กับ อีเวนต์รับประทานอาหารมื้อพิเศษด้วยเอกสิทธิ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ วันที่ 4 ส.ค. 66 ที่ห้องอาหาร Edward Kwon in Bangkok โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ รังสรรค์โดย เอ็กเซคคูทีฟเชฟ คิม ดา อึน หรือ เชฟเดเนียล ผู้เป็นเชฟประจำอยู่ที่ห้องอาหาร LAB XXIV by KUmuda ที่เมืองปูซาน เชฟมือขวาทำงานร่วมกันกับเซเลบริตี้เชฟเอ็ดเวิร์ด ควอน ผู้มีชื่อเสียง เป็นเจ้าของและหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ของห้องอาหารชื่อดังของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งถูกจัดอันดับอยู่ในคู่มือการรับประทานอาหารอันทรงเกียรติอย่าง La Liste
ไฮไลท์ของเมนูดังอย่าง ‘Galbi’ เนื้อวากิวระดับพรีเมียมกับบันชาน ซอสถั่วเหลืองเกาหลี เสิร์ฟพร้อมผักเกาหลี ‘Bulgogi’ ข้าวหน้าเนื้อหมักซีอิ๊วกับถั่วเหลืองดั้งเดิมอายุ 10 ปี และแบล็คทรัฟเฟิล เมนู 'Dakgalbi' ไก่ผัดรสชาติเผ็ดจัดจ้าน เป็นต้น
Course 1: แซวูจัง (Sae Woo-Jang) เมนูแรกสำหรับเรียกน้ำย่อย เป็นเมนูทาร์ทเล็ตกุ้งหมักซอสโชยุกับยูซุ ตกแต่งด้วยสาหร่ายขาวคมบุทอดกรอบ แพริ่งกับเครื่องดื่มม็อกเทล Barley Yusu
Course 2: บูลโกกิ (Bulgogi) เมนูที่สอง คือบูลโกกิที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งเชฟ Edward Kwon เสิร์ฟในรูปแบบใหม่ เมนูนี้ทำจากเนื้อหมักซอสบ่มนานถึง 10 ปี ผสมข้าวกับชีส ท็อปด้วยเห็ดทรัฟเฟิลสด
Course 3: คอร์สที่สามคือดัคคาลบี้ (Dakgalbi) หรือไก่ผัดเกาหลีกระทะร้อน เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนไทยรู้จักกันดี นำเสนอผ่านความคิดสร้างสรรค์ของเชฟ Edward Kwon ด้วยการเสิร์ฟในแป้งครุสตาดแบบฝรั่งเศส แพริ่งกับเครื่องดื่มม็อกเทล Basil Fizz
Course 4: ยู-คเว (Yukoe) คอร์สที่สี่เป็นเมนูทาทาร์แบบเกาหลี ทรงกลมเลเยอร์ด้วยไข่ปลาคาเวียร์และลูกแพร์เกาหลีสไลด์ รสชาติหอมหวานให้ความรู้สึกสดชื่น เชฟแนะนำให้รับประทานเพียงคำเดียวเพื่อให้ได้รสชาติของทุกอย่างผสมเข้ากันพอดี
Course 5: เมนูเรียกน้ำย่อยที่ห้าได้แก่ กิมมารี (Gimmari) ที่ใช้สาหร่ายกรอบพันรอบโอโทโร่ คลุกเคล้ากิมจิเล็กน้อย เพิ่มความเค็มจากธรรมชาติด้วยการใช้หอยเม่นทะเลสด แพริ่งกับเครื่องดื่มม็อกเทล Rosé Spritzer
Course 6: คอร์สที่หกได้แก่ ทาราจุค (Tara-Jook) หรือซุปข้าวโพดนม เป็นเมนูในราชสำนักโชซอน สงวนไว้ให้สำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น เนื่องจากนมเป็นวัตถุดิบที่มีราคาสูงในสมัยนั้น เชฟเพิ่มมิติด้านรสชาติของอาหารจานนี้ด้วยการใส่ปลาหมึก และแป้งอองชิมี ที่ทำจากแป้งมันกับข้าว นวดและปั้นด้วยมือ
Course 7: จานที่เจ็ดได้แก่เมนูเป๋าฮื้อตุ๋น (Abalone Jjim) หรือภาษาเกาหลีคำว่า “จิม” คือกรรมวิธีการตุ๋นหอยเป๋าฮื้อให้สุกแบบสมบูรณ์แบบ วางบนไข่ตุ๋นเนื้อเบา เนียนนุ่ม ละลายในปาก รับประทานคู่กับเห็ดอิโนกิ แพริ่งกับเครื่องดื่มม็อกเทล Guava Ginger
Course 8: จานนี้คือ มู-ฮเว (Mulhoe) หรือยำปลาทะเลใส่ซอสโกชูจัง ที่ใช้เนื้อปลากระพงแดงและปลาหมึกสด ผสมน้ำซุปและซอสโกชูจัง และผักหอมหลากชนิด
Course 9: ซามจิกุย (Samchi Gui) ทำจากปลาแมคเคอเรลสด ย่างให้ได้ความสุกกำลังดี เสิร์ฟคู่กับซอสสองชนิด สามารถเลือกรับประทานแยกกันได้ หรือผสมซอสให้เข้าด้วยกัน เพื่อให้รสชาติของซอสทั้งสองชนิดเข้าที่ แพริ่งกับเครื่องดื่มม็อกเทล Raspberry Ricky
Course 10: เมนูเมนคอร์ส คาลบี้ (Galbi) ที่นำเนื้อวากิวชั้นดีไปทำการซูวี และนำมาย่างถ่านอีกเล็กน้อยเพื่อให้ได้กลิ่นหอม เสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียงหกชนิด หรือภาษาเกาหลีเรียกว่า บันชานประกอบด้วยเพสโต้ใบงาป่น พริก กระเทียม ต้นกระเทียม ใบกระเทียม และไข่ปลาพอลแล็ค (เมนไทโกะ) แนะนำให้รับประทานเนื้อหนึ่งชิ้น พร้อมเครื่องเคียงหนึ่งอย่างเพื่อสัมผัสได้หลากรสชาติจากการรับประทาน
Palate Cleanser — ชาโอมิจา (Omija) แปลว่าห้ารสชาติ ในภาษาเกาหลี รับประทานเพื่อล้างปากก่อนจะเข้าสู่เมนูของหวาน
Course 11: เมนูของหวานคอร์ส ฮูซิก (Hu Sik) หรือแปลตรงตัวว่าขนมหวานในภาษาเกาหลี จานแรกเป็นไอศกรีมทำจากสาหร่ายทะเล ผสมกับวานิลลา เพื่อให้ได้รสชาติหวานมัน รับประทานคู่กับ sorbet tangerine ที่ให้รสชาติเปรี้ยวหวาน แพริ่งกับเครื่องดื่มม็อกเทล Peach Spice
Course 12: คอร์สสุดท้าย หรือ Petit Four ในวันนี้จะเป็นมาการองรสงาดำ ช็อกโกแลตพุทราโรเช คาราเมลโสมแดง เจลลี่ปัตเตอฟรุย รสราสป์เบอร์รี รับประทานคู่กับชาร้อน