สวยก็ได้ แถมยังรักษ์โลกด้วย! กับเทรนด์เสื้อผ้ารักโลกแบบใหม่ที่เข้ากับยุครักษ์โลกในปัจจุบันนี้อย่าง Sustainable Fashion และ Textile Recycling ที่กำลังได้รับความนิยมในหลากหลายประเทศทั่วโลก และที่สำคัญคือเทรนด์เหล่านี้ไม่ได้เพิ่งมาในปีนี้ แต่เทรนด์แฟชั่นรักษ์โลกนั้นได้รับความนิยมมาสักระยะหนึ่งในต่างประเทศ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน หรือแม้แต่ในประเทศไทยเองก็ตาม
โดยถ้าพูดถึงนิยามของคำว่าแฟชั่น เราจะนึกถึงเทรนด์หรือกระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไป มีการเปลี่ยนแปลงที่เร็ว พอๆ กับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเร็ว จนทำให้เกิดปัญหาของการมีเสื้อผ้าราคาถูกในอุตสาหกรรมการผลิตที่ออกมาเยอะตามความต้องการของผู้บริโภค หรือที่เราเรียกกันว่า Fast Fashion
Fast Fashion นั้นก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งในระดับการเงินส่วนบุคคล และปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมของโลก ที่เมื่อมีการผลิตเสื้อผ้าออกมาครั้งละมากๆ หลายๆ คอลเลกชั่น ก็ยิ่งเป็นการสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีความต้องการเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวอย่างรวดเร็วมากขึ้นไปอีก และทำให้เสื้อผ้าชิ้นเก่าหมุนเวียนเข้าสู่วงจรของการเป็นขยะที่ล้นโลกต่อไป
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการเกิด Sustainable Fashion และ Textile Recycling เสื้อผ้ารักโลกและแฟชั่นรักษ์โลกที่เป็นขั้วตรงข้ามของกระแส Fast Fashion และมองว่าความสวยงามของเสื้อผ้าที่แท้จริงนั้นไม่ได้มาจากการเปลี่ยนเสื้อผ้าตามแฟชั่นแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสวมใส่เสื้อผ้าที่มีคุณภาพดีอย่างยั่งยืน และใช้จนคุ้มค่าตามวงจรชีวิตของสินค้านั่นเอง ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับ Sustainable Fashion และ Textile Recycling ว่าคืออะไร และมีอะไรที่น่าจับตามองบ้าง
เมื่อพูดถึงเทรนด์ของความยั่งยืน หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นยั่งยืนหรือ Sustainable Fashion แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ยินนั้น ก็ขออธิบายก่อนว่า Sustainable fashion คือเทรนด์แฟชั่นที่เน้นการใส่ใจโลก ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อโลกในอนาคต
โดยความยั่งยืนที่เทรนด์แฟชั่นรักษ์โลกชนิดนี้กำลังส่งเสริมก็จะครอบคลุมไปทั้งกระบวนการการผลิตให้ได้เป็นเสื้อผ้าแฟชั่นหนึ่งตัว อย่างเช่นการคัดเลือกวัตถุดิบ วิธีในการผลิต การจัดจำหน่าย ไปจนถึงวิธีการสวมใส่ตลอดอายุการใช้งาน และสุดท้ายคือกระบวนการการทำลายที่ต้องไม่ทำร้ายโลก
แล้วถ้าเราเป็นธุรกิจที่กำลังต้องการจะทำ Sustainable Fashion หรือแฟชั่นรักษ์โลกที่ยั่งยืน เราควรรู้อะไรบ้าง? สำหรับการทำแฟชั่นยั่งยืนนั้นต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย และต้องรู้วิธีที่จะสามารถสร้างความยั่งยืนให้เกิดในระบบการผลิตตลอดจนการใช้งานของผู้บริโภคให้ได้ ซึ่งประเทศที่กำลังให้การส่งเสริมแฟชั่นยั่งยืน อย่างประเทศญี่ปุ่น ก็มีการออกมาทำ Guideline สำหรับการทำแฟชั่นให้ยั่งยืนทั้งในมุมของผู้บริโภคและผู้ผลิต โดยมีคำแนะนำดังนี้ควรถนอมเสื้อผ้าที่ใช้อยู่ให้ใช้ได้ยาวนาน ทั้งผู้บริโภคที่ควรใช้เสื้อผ้าให้นานที่สุดหรือนำเสื้อผ้าที่ใช้แล้วมาดัดแปลงเป็นเสื้อผ้าแบบใหม่โดยที่ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าอื่นเพิ่ม ส่วนผู้ผลิตก็ควรผลิตเสื้อผ้าที่สามารถใช้งานได้นานและมีแผนกบริการรับแก้ไขซ่อมแซมเสื้อผ้าของตัวเอง
ควรใช้เสื้อผ้าซ้ำหรือ Reuse ให้ได้มากที่สุด ทั้งในด้านผู้บริโภคที่อาจจะใช้การแลกเปลี่ยนเสื้อผ้ากับผู้อื่น หรือหันมาใช้บริการเช่าชุดแทนการซื้อเสื้อผ้าใหม่ รวมทั้งใช้เสื้อผ้ามือสอง ส่วนในด้านของผู้ผลิตก็ควรสนับสนุนให้เกิดการนำเสื้อผ้ามาใช้ซ้ำเช่น การพัฒนาแอปพลิเคชันซื้อขายเสื้อผ้ามือสอง หรือบริการระบบ Subscription ที่ให้ผู้บริโภคจ่ายค่าสมัครเพื่อรับเสื้อผ้ามาใช้ไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใส่ซ้ำตัวเดิมตลอดไป
คิดก่อนซื้อเสื้อผ้า ทั้งในมุมของผู้บริโภคที่ควรซื้อเฉพาะเสื้อผ้าที่จำเป็น และเลือกซื้อเสื้อผ้าคุณภาพดีที่สามารถใช้ไปได้นาน ส่วนผู้ผลิตควรผลิตในสต๊อกที่เหมาะสม ให้ความใส่ใจและดูให้ถึงแก่น ทั้งในมุมของผู้บริโภคที่ควรใส่ใจกับรายละเอียดของเสื้อผ้าก่อนจะซื้อ ไม่ว่าจะเป็น วัสดุ การดูแลรักษา การรีไซเคิล ส่วนผู้ผลิตควรให้ความสำคัญกับการนำวัสดุรีไซเคิลมาผลิตสินค้าให้มีคุณภาพดีขึ้น
เสื้อผ้าคือทรัพยากรอย่างหนึ่ง เมื่อผู้บริโภคไม่ได้ใช้เสื้อผ้าชิ้นใดแล้ว ก็ควรจะนำไปให้สถานที่ที่สามารถนำเสื้อผ้าเหล่านั้นไปรีไซเคิลได้ ส่วนฝ่ายผู้ผลิตก็ควรมีช่องทางการรวบรวมเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้ว ไปเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเป็นเสื้อผ้ารักโลกได้
นอกจากแฟชั่นที่ยั่งยืนแล้ว เทรนด์เสื้อผ้ารักโลกก็เป็นอีกหนึ่งกระแสของเหล่าคนรักแฟชั่นที่กำลังมาแรงในตอนนี้ เพราะนอกจากที่เราจะได้รักษ์โลกแล้ว ทางฝั่งผู้ผลิตก็ยังได้ลดต้นทุนที่แสนแพงได้อีกด้วย
Textile Recycling (เสื้อผ้ารักษ์โลก) คือการนำขยะสิ่งทอต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแต่เสื้อผ้าเก่าที่คนทิ้งหรือไม่ใช้แล้วนำมารีไซเคิลเป็นเสื้อผ้าชิ้นใหม่ โดยที่ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องสั่งวัสดุสิ่งทอใหม่ๆ อีกทั้งขยะสิ่งทอเหล่านี้แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น “ขยะ” แต่ก็สามารถนำมาทำเป็นเสื้อผ้าได้สวยงามไม่ต่างจากเสื้อผ้าชิ้นใหม่จากวัสดุสิ่งทอใหม่ๆ ในอุตสาหกรรม
Textile Recycling นั้นจะใช้การผลิตเสื้อผ้ารักโลกจากวัสดุสิ่งทอรีไซเคิลที่สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ ขยะสิ่งทอก่อนการบริโภค (Pre-consumer) และขยะสิ่งทอหลังการบริโภค (Post-consumer)
ขยะสิ่งทอก่อนการบริโภค (Pre-consumer) เป็นขยะที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการตัดเย็บหรือทอให้กลายเป็นเสื้อผ้า ส่วนใหญ่มักจะเป็นเศษผ้าหรือเศษด้ายที่ถูกทิ้งจากโรงงาน
ขยะสิ่งทอหลังการบริโภค (Post-consumer) เป็นขยะที่ถูกทิ้งจากบรรดาสิ่งทอที่ถูกนำมาผลิตและใช้งานแล้ว เช่น เศษเสื้อผ้าชิ้นเก่า ผ้าปูโต๊ะที่ไม่ใช้แล้ว ผ้าม่านเก่า เป็นต้น
เมื่อคัดแยกขยะเหล่านี้แล้ว ก็จะนำขยะสิ่งทอแบบเดียวกันมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ คัดแยกเฉดสีเพื่อเข้าสู่กระบวนการแปลงสภาพ เข้าสู่การกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่มากับขยะสิ่งทอ แล้วจึงอัดขึ้นรูปเพื่อนำมาปั่นเป็นเส้นใหญ่รีไซเคิลชิ้นใหม่สำหรับการขึ้นเป็นเสื้อผ้าหรือสิ่งทอชิ้นใหม่ต่อไป
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นถึงปัญหาสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมสิ่งทอในปัจจุบันก่อนว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 1.7 พันล้านตันต่อปีหรือประมาณ 8-10% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก ซึ่งมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมการบินและการขนส่งทางทะเลรวมกัน
ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดจากโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่ใช้พลังงานจากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก อีกทั้งผลกระทบจาก Fast Fashion ที่ทำให้แบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ นิยมสั่งผลิตเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบและสต๊อกครั้งละมากๆ วนไปเช่นนี้จนทำให้เกิดเป็นวงจรของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้นทางการผลิตและขยะสิ่งทอที่ปลายทางของการบริโภค
แต่การมาของ Textile Recycling แฟชั่นรักษ์โลกนั้นจะเป็นการตัดวงจรของการผลิตวัสดุสิ่งทอที่ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นการนำเสื้อผ้าที่กลายเป็นขยะในปลายทางของการบริโภคกลับมาเป็นเสื้อผ้าชิ้นใหม่ได้
ซึ่งความน่าสนใจของการนำขยะสิ่งทอกลับมาผลิตเป็นเสื้อผ้าชิ้นใหม่ในอุตสาหกรรมนั้น ก็คืองานวิจัยของ Shameek Vats, Marja Rissanen (2016) ที่ชี้ว่าขยะสิ่งทอทุกๆ 1 กิโลกรัมในการผลิตเสื้อผ้าชิ้นใหม่ จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 3.6 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e) ได้อีกด้วย และยังมีแนวโน้มในอนาคตที่หากการใช้ขยะสิ่งทอกลับมาผลิตเป็นเสื้อผ้าชิ้นใหม่กันอย่างแพร่หลายขึ้นก็จะยิ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการใช้น้ำ ปุ๋ยเคมี และยาฆ่าแมลงในกระบวนการผลิตได้อีกเช่นกัน
นอกจากการสร้างแรงกระเพื่อมที่ดีให้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอแล้ว ตลาด Textile Recycling ก็ยังเป็นที่น่าจับตามองสำหรับแบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ ที่หันมาลงทุนนวัตกรรมแฟชั่นรักษ์โลกในการรีไซเคิลขยะสิ่งทอให้สามารถนำมาผลิตเป็นเสื้อผ้าชิ้นใหม่ได้อย่างสวยงามมากขึ้น
โดยเว็บไซต์ Marketandmarket มีการคาดการณ์อนาคตมูลค่าตลาด Textile Recycling ว่ามีแนวโน้มโตขึ้น 6.9% ในปี 2027 หรือเป็นมูลค่าตลาดถึง 9.4 ล้านดอลลาร์ จากปัจจุบัน 6.4 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว อีกทั้งแบรนด์เสื้อผ้าระดับโลกหลายๆ แบรนด์ก็กำลังมีการใช้ขยะสิ่งทอสำหรับการผลิตเสื้อผ้ารักโลกกันมากขึ้น
ซึ่งต้องบอกว่าแฟชั่นรักษ์โลกถือเป็นแนวโน้มของอุตสาหกรรมสิ่งทอที่บรรดาผู้ผลิตต่างให้ความสนใจและไม่ควรพลาด เลยทีเดียว เพราะแนวโน้มในอนาคตนั้น ผู้บริโภคต่างก็มีการตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่แสดงตัวว่าให้ความสนใจและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม กลายเป็นธุรกิจที่ครองใจผู้บริโภคได้ไม่ยาก
เพราะสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่เทรนด์แต่เป็นชีวิตของพวกเราทุกคน บัตรเครดิต กรุงศรี จึงมองเห็นความสำคัญในการผสานไลฟ์สไตล์ของคนไทยให้เข้ากับการดูแลโลกและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน กับโปรโมชั่นผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อความยั่งยืน ที่สามารถสะสมคะแนนแลกสินค้าแฟชั่น Eco-friendly พร้อมรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อความยั่งยืนได้ โดยสามารถดูโปรโมชั่นที่เกี่ยวข้อง และบัตรเครดิตที่ร่วมรายการได้ที่ https://www.krungsricard.com/th/promotion/category/esg
